การเตรียมผู้ป่วยระยะก่อนให้ยาระงับความรู้สึกที่หอผู้ป่วย
ก่อนผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการประเมินความพร้อมทางร่างกายและจิตใจ เพื่อเตรียมตัวเข้ารับการระงับความรู้สึกแบบทั่วไป
พูดคุยถึงแผนการดูแลรักษาและคำแนะนำในการปฏิบัติตัวในช่วงก่อนผ่าตัด ขณะผ่าตัด และหลังการผ่าตัด
รวมทั้งอธิบายถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ร่วมกับผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัว โดยทีมวิสัญญีแพทย์
การซักประวัติและตรวจร่างกาย เน้นการประเมินภาวะใส่ท่อหายใจยาก ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ
(Obstructive Sleep Apnea; OSA) โดยใช้เครื่องมือคัดกรองภาวะหยุดหายใจขณะหลับเบื้องต้น (STOP BANG questionnaire)
ซักประวัติเกี่ยวกับอาการเหนื่อยหอบขณะออกกำาลังกาย อาการเจ็บหน้าอกเป็นลมหมดสติ เพื่อประเมินภาวะโรคหัวใจแทรกซ้อน โรคกรดไหลย้อน โรคเบาหวาน
กลุ่มอาการเมแทบอลิก (Metabolic syndrome) ประวัติเกี่ยวกับการเคยได้รับการผ่าตัดหรือให้ยาระงับความรู้สึก
กรณีเคยได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไป จะซักถามเกี่ยวกับความยากง่ายในการใส่ท่อหายใจ และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การระงับความรู้สึก
กรณีที่ประเมินแล้วพบว่าผู้ป่วยอาจมีภาวะใส่ท่อหายใจยาก และ/หรือมีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับขั้นรุนแรง
ทางทีมวิสัญญีจะจัดเตรียมอุปกรณ์พิเศษสำหรับใส่ท่อหายใจ เพื่อความปลอดภัยในการจัดการทางเดินหายใจ
อาจพิจารณาใส่ท่อช่วยหายใจขณะตื่นร่วมกับการให้ยาระงับปวดและยาให้สงบคลายกังวล
โดยทีมวิสัญญีจะให้ความรู้และคำอธิบายถึงโอกาสที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจขณะตื่น และการคาท่อช่วยหายใจหลังการผ่าตัด
วันก่อนการผ่าตัด ผู้ป่วยต้องงดน้ำงดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง พิจารณาให้สารนำ้ทางหลอดเลือดดำ
เพื่อชดเชยการสูญู เสียน้ำ ขณะงดน้ำ งดอาหาร พิจารณาการให้ยาที่กินเป็นประจำว่า สามารถให้ต่อเนื่องในเช้าวันผ่าตัดได้หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีการให้ยาลดความรุนแรงจากโอกาสการเกิดภาวะสูดสำลักอาหารเข้าปอด
กระบวนการดูแลระหว่างให้ยาระงับความรู้สึกที่ห้องผ่าตัด
เมื่อผู้ป่วยมาถึงห้องผ่าตัด จะเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มให้การระงับความรู้สึกแบบทั่วไป
โดยต้องมีการยืนยันชื่อและการผ่าตัดที่ผู้ป่วยจะได้รับ ตรวจสอบบันทึกการรักษาจากหอผู้ป่วยว่า
มีการเปลี่ยนแปลงอาการและการรักษาที่ได้รับหรือไม่ยาปฏิชีวนะที่ต้องให้ก่อนการผ่าตัด ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่พึ่งทราบผล เป็นต้น
จากนั้น ตรวจสอบการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ และติดอุปกรณ์เพื่อเฝ้าระวังสัญญาณชีพ ได้แก่ วัดความดันเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด และบันทึกไว้เป็นค่าพื้นฐานก่อนเริ่มให้การระงับความรู้สึก
จัดท่าให้ศีรษะผู้ป่วยสูงประมาณ 30 องศา เพื่อช่วยให้การใส่ท่อหายใจทำได้ง่ายขึ้น โดยการใช้หมอนและ/หรือผ้ารองหนุนบริเวณใต้ศีรษะ ไหล่
และกระดูกสะบักทั้ง 2 ข้างให้กระดูกหน้าอกอยู่ระดับเดียวกับหูของผู้ป่วย แล้วจึงผู้ป่วยจะหายใจผ่านทางหน้ากากด้วยออกซิเจน 100% อย่างน้อย 5 นาที
จึงเริ่มให้ยานำสลบผ่านทางหลอดเลือดดำ สำหรับใช้เทคนิคการใส่ท่อหายใจขึ้นกับความยากง่ายของใส่ท่อหายใจของผู้ป่วยแต่ละราย เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจขณะตื่น
การออกแรงกดที่กระดูกอ่อน cricoid เพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของกรดหรืออาหารในกระเพาะ ในขณะการนำสลบ
หรือใช้เครื่องมือแบบมีจอภาพในการใส่ท่อหายใจชนิดวิดีทัศน์(video laryngoscope) ซึ่งเทคนิคที่ใช้นั้นขึ้นกับการตัดสินใจร่วมกันของผู้ป่วยและทีมวิสัญญี
กระบวนการดูแลหลังการให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั่วตัวที่ห้องพักฟื้น
ที่ห้องพักฟื้น ผู้ป่วยจะถูกจัดท่าโดยจัดท่านอนกึ่งนั่ง หลีกเลี่ยงการนอนราบหงาย เพื่อป้องกันการเกิดภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ บันทึกอัตราการหายใจ ร่วมกับสังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจนในเลือดและภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ
โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ
กรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ และใช้เครื่องช่วยหายใจรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
(Continuous Positive Airway Pressure หรือ CPAP) ตั้งแต่ก่อนผ่าตัด ก็ควรใช้ต่อเนื่องหลังผ่าตัด
เริ่มได้ตั้งแต่ที่ห้องพักฟื้นและใช้ต่อเนื่องที่หอผู้ป่วย
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาระงับปวดให้เพียงพอ เฝ้าระวังเรื่องภาวะกดการหายใจจากฤทธิ์คงค้างของยารักษาภาวะสลบและ/หรือยาระงับปวด และดูแลสายต่างๆ ไม่ให้เลื่อนหลุด
ส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยต่อเนื่องให้ทีมแพทย์และพยาบาลที่หอผู้ป่วย เกี่ยวกับแผนการระงับปวดหลังผ่าตัด การเฝ้าระวัง ภาวะแทรกซ้อนทางระบบทางเดินหายใจ ได้แก่
การสังเกตเฝ้าระวังการกดการหายใจ การเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ ภาวะพร่องออกซิเจนในเลือด เป็นต้น